ความสามารถของข้าพเจ้า
ความสามารถของข้าพเจ้า

จัดทำโดย นายศิริชัย เพ็งบูรณ์ (โก๊ะ)

ข้าพเจ้าเชื่อว่ามนุษย์โลกทุกคนเกิดมาจะต้องมีความสามารถ แต่ละคนก็มีความสามารถแตกต่างกันไป บางคนมีความสามารถจะเป็นหมอ บ้างก็จะเป็นนักโปรแกรมเมอร์ หรือบางคนมีความสามารถด้านสัตวแพทย์ เราทุกคนมีสิทธิ์ความสามารถและทำให้มันเป็นจริงได้ถ้าหากเรามีกำลังใจจากคนรอบข้างและแรงบันดาลใจที่จะทำให้ความสมารถที่มีอยู่นั้นเป็นจริง
ความสามารถของข้าพเจ้านั้นคือการทำอาหารและงานประดิษฐิ์ต่างๆ รวมถึงงานดอกไม้ใบตองอีกเล็กน้อย สิ่งต่างๆเหล่านี้คือสิ่งที่คุณแม่และคุณยายสั้่งสอนข้าพเจ้ามาแต่เด็กจนทำให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นความสามารถที่จะติดตัวข้าพเจ้า เมื่อถึงเวลาหรือโอกาศที่จะได้โชว์ฝีมือหรือแสดงความสามารถข้าพเจ้าจะใช้โอกาศนี้ทำมันให้เต็มที่และดีที่สุด นอกจากนี้ การทำอาหารยังมีประโยชน์ต่อการพัฒนาสุขภาพทางจิตอีกด้วย เชฟชาวออสเตรเลีย Stephanie Alexander ได้ให้ข้อมูลว่า เด็กๆ ที่เข้าร่วมหลักสูตร Kitchen Garden Foundation กับเธอ รู้สึกตื่นเต้นและยังมีความผ่อนคลายระหว่างการทำอาหาร มันเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มากสำหรับเธอที่ได้เห็นว่าการทำอาหารส่งผลดีอย่างไรต่อการสร้างพฤติกรรมใหม่ให้กับเด็กๆ ที่ยังเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตในสังคมของพวกเขา
นักจิตวิทยาคลินิกจากมหาวิทยาลัยแคนเบอร์รา Vivienne Lewis ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของร่างกายและพฤติกรรมการกิน กล่าวกับเราว่า การทำอาหารสามารถเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังประสบกับปัญหาความกังวลและสภาวะจิตตก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การทำอาหารไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีปัญหาเรื่องพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ โดยพยายามจะควบคุมสิ่งที่ตัวเองกิน เพราะระหว่างการทำอาหาร มีการดูสูตรการทำอาหาร และนั่นอาจจะเพิ่มความอยากอาหาร ซึ่งจะส่งผลต่อภาวะความเครียดกับผู้ป่วยที่พยายามควบคุมการกินอาหารของตนเอง แต่กิจกรรมการทำอาหารโดยทั่วไป ช่วยให้เราอยู่ในสภาวะปัจจุบัน จดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และดื่มด่ำไปกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ซึ่งพฤติกรรมการหยุดอยู่กับที่นี่ ณ ตอนนี้ ทำให้ความกังวลของเราลดลง ทำให้อารมณ์ของเราดีขึ้น และยังส่งผลดีต่อสุขภาพจิตอื่นๆ อีกมากมายและนี้คืออีกเหตุผลที่ทำไมข้าพเจ้าจึงรักในการทำอาหารและงานต่างๆ ด้วยเพราะการทำอาหารทำให้จิตใจสงบ
นักจิตวิทยาคลินิกจากมหาวิทยาลัยแคนเบอร์รา Vivienne Lewis ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของร่างกายและพฤติกรรมการกิน กล่าวกับเราว่า การทำอาหารสามารถเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังประสบกับปัญหาความกังวลและสภาวะจิตตก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การทำอาหารไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีปัญหาเรื่องพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ โดยพยายามจะควบคุมสิ่งที่ตัวเองกิน เพราะระหว่างการทำอาหาร มีการดูสูตรการทำอาหาร และนั่นอาจจะเพิ่มความอยากอาหาร ซึ่งจะส่งผลต่อภาวะความเครียดกับผู้ป่วยที่พยายามควบคุมการกินอาหารของตนเอง แต่กิจกรรมการทำอาหารโดยทั่วไป ช่วยให้เราอยู่ในสภาวะปัจจุบัน จดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และดื่มด่ำไปกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ซึ่งพฤติกรรมการหยุดอยู่กับที่นี่ ณ ตอนนี้ ทำให้ความกังวลของเราลดลง ทำให้อารมณ์ของเราดีขึ้น และยังส่งผลดีต่อสุขภาพจิตอื่นๆ อีกมากมายและนี้คืออีกเหตุผลที่ทำไมข้าพเจ้าจึงรักในการทำอาหารและงานต่างๆ ด้วยเพราะการทำอาหารทำให้จิตใจสงบ
ความสามารถของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทำให้มันเป็นจริงได้เพียงแต่ถ้าเราสู้ต่อไป และพยายามที่ตั้งใจจะทำให้มันเป็นจริง เพียงแค่นี้ก็ทำให้พ่อและแม่ภูมิใจได้ และสุดท้ายนี้หากเมื่อใดมีโอกาศที่ข้าพเจ้าจะได้แสดงความสามารถนั้นออกมา ข้าพเจ้าตั้งปณิธานไว้ว่าจะทำมันอย่างเต็มที่และทำให้ออกมาดีอย่างที่สุด
และวันนี้ข้าพเจ้าจะนำเสนอสูตรอาหารที่ทุกคนสามารถนำไปทำได้ง่ายๆ นั้นก็คือแสร้งว่ากุ้ง และขนมโค
แสร้งว่ากุ้ง

ส่วนผสมสำหรับทำแสร้งว่ากุ้ง
1. กุ้งแม่น้ำ 3-4
ตัว
2. ตะไคร้ซอย 2
ช้อนโต้ะ
3. หอมแดงซอย 2
ช้อนโต้ะ
4. พริกขี้หนูสวน 2
ช้อนโต้ะ ซอยเฉียงๆ
5. ใบมะกรูดซอย 2
ช้อยนโต้ะ
6. ขิงซอย 2 ช้อนโต้ะ
7. น้ำพริกเผา 1
ช้อนโต้ะ
8. น้ำตาลทราย 2
ช้อนโต้ะ
9. น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
10. น้ำมะนาว 2
ช้อนโต้ะ
วิธีทำแสร้งว่ากุ้ง
1. เริ่มจากการนำกุ้งแม่น้ำ
ไปย่างให้สุก จากนั้นแกะเปลือก และ นำเนื้อกุ้งมาหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ
2. เตรียมปรุงน้ำยำ โดย ใส่
น้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำตาลทราย และ น้ำมะนาว ให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน
3. ใส่ เนื้อกุ้งย่าง ขิง
ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกขี้หนูสวน และ เนื้อกุ้ง
นำมาคลุกเคล้ากับน้ำยำให้ส่วนผสมเข้ากัน
4. เสริฟ ยำใส่จาน
จัดหน้าให้สวยงาม พร้อมรับประทาน
เคล็ดลับการทำแสร้งว่ากุ้ง
1. กุ้งแม่น้ำ ให้เลือกกุ้งตัวโตๆหน่อย จะได้เนื้อมากๆ และ
เลือกกุ้งที่สดใหม่ โดย เทคนิคการเลือกกุ้ง ให้เลือกกุ้งที่มีความสมบรูณ์
เปลือกไม่หลุดจากตัว หัวไม่หลุด เนื้อแน่น และ ไม่มีกลุ่นเน่า
2. เทคนิคการทำอาหารประเภทกุ้ง เนื่องจากเนื้อกุ้ง
หากทำให้สุกเกินไป เนื้อกุ้งจะแข็งกระด้าง ไม่น่ารับประทาน การทำเนื้อกุ้ง
ให้ย่างให้สุกพอประมาณ ไม่ให้กุ้งสุกเกินไป
3. เนื้อกุ้งให้หั่นให้มีขนาดพอดีคำ
เพื่อความสะดวกในการรับประทาน
4. สำหรับคนที่ไม่ชอบกินเผ็ด สามารถเอาพริกออกจากส่วนผสมได้
5. ใบมะกรูด ส่วนแกนใบเป็นส่วนที่มีรสขม ให้นำแกนใบออกก่อน
และ ส่วนเนื้อใบมะกรูด เป็นส่วนที่ให้กลิ่นหอม ให้นำมาซอยให้ออกกลิ่นหอม
6. รสชาติของน้ำยำ เมนูนี้ จะ หอม หวาน เค็ม เปรี้ยว และ
อ่อนเผ็ด
ทองหยอด

ส่วนผสม
1. ไข่เป็ด 20 ฟอง
2. แป้งข้าวเจ้า10 ถ้วย
3. น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง
4. น้ำลอยดอกไม้ 1 1/2 ถ้วยตวง
5. กระทะทองเหลือง
วิธีทำ
1. ทำการแยกไข่แดงและไข่ขาวออกจากกัน
ส่วนที่ต้องการคือไข่แดง ส่วนไข่ขาวเก็บไว้ไปประกอบอาหารอย่างอื่น
2. นำไข่แดงวางบนผ้าขาวบาง
แล้วบีบไข่แดงลงไปในชามผสมเพื่อกรองเยื่อไข่แดงให้ไข่เนียนยิ่งขึ้น
ตีไข่แดงให้ขึ้นฟูแล้วใส่แป้งข้าวเจ้าลงไปตีอีกครั้งให้เข้ากัน
3. ผสมน้ำลอยดอกไม้และน้ำตาลทราย
ตั้งไฟแรงจนน้ำตาลเดือดพร้อมกับเคี่ยวใช้เวลาประมาณ 20 นาที
จนกลายเป็นน้ำเชื่อมข้น
4. เสร็จแล้วเทส่วนน้ำเชื่อมแยกไว้ในอ่างสำหรับแช่ทองหยอด
และส่วนอีกส่วนให้ตั้งไฟไว้สำหรับหยอดทองหยอด
5. ต้มน้ำเชื่อมให้เดือดฟูตลอด
ใช้ปลายช้อนแกงตักแป้งขึ้นมา กะปริมาณให้พอเหมาะ ใช้นิ้งโป้งดันแป้งลงไปในกระทะ
6. ขนมลอยขึ้นมาแสดงว่าสุกแล้ว
ใช้กระชอนตักขนมขึ้นมาแล้วนำมาพักไว้ในชามน้ำเชื่อมที่แยกไว้
จากนั้นก็ตักขึ้นมาใส่ห่อขนมที่เตรียมไว้ได้เลย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น